ประวัติครูบาไก่

             ครูบาไก่ หรือ ท่าน ชยนันโทภิกขุ

ได้เกิด ขึ้นในวันที่27ตุลาคม พ.ศ.2529 ท่านได้อยู่กับมารดาที่ จังหวัดปทุมธานี จนอายุได้ 5 ขวบ มารดาจึงได้นำเข้าโรงเรียน ในจังหวัดตาก และอยู่ ณ บ้านของคุณยาย

คุณยายของท่านปกติ เป็นคนที่ชอบเข้าวัดเข้าวา และจะพาท่านไปด้วยเสมอ เมื่อ ท่านได้เรียนจบมัธยมต้น คุณชวด ของท่านได้มรณะภาพลงด้วยวัยชรา ท่านจึงได้บวชหน้าไฟ

ปกติแล้วเมื่อบวชหน้าไฟจนเผ่าศพเสร็จ ก็จะลาสิกขากัน แต่ครูบาไก่ตอนนั้นท่านได้กล่าวกับคุณยายว่า ขออยู่จนทำบุญ100 วัน เมื่อครบทำบุญ 100 วันท่านก็ยังไม่ลาสิกขา

และยังขอต่อจนครบรอบปี แต่แค่นั้นท่านยังไม่พอ ท่านได้ขอย้ายไปอยู่วัดของคุณตาท่าน ซึ้งบวชอยู่แล้ว และได้เดินทาง ไปณ วัดไผ่สีซอเพื่อขอเรียนพระกรรมฐาน กับหลวง

พ่อประดับ สมัยนั้นหลวงพ่อประดับให้เดินไปเรียน เมื่อท่านได้เรียน ท่านก็ได้เดินทางหาครูบาอาจารย์อีกหลายๆองค์ เช่น หลวงพ่อกอไผ่ วัดสระมณฑล หลวงปู่ละมัย สำนักสวนป่าสมุนไพร หลวงปู่นริศจังหวัดพังงา ปู่ฤาษีคำปัน จังหวัดเชียงใหม่ ปู่ฤาษีเกศแก้วจังหวัดหนองบัวลำภู หลวงปู่โทน และอีกมากมายท่านได้นำหลักธรรมของครูบาอาจารย์มาปฏิบัติ

จนปจุบันนี้ท่านได้สำเร็จ สมาบัติแปด สามารถเค้านิโรธสมาบัติ ได้ถึงเจ็ดวัน คณะลูกศิษของท่านจะเจอ สิ่งแปลกประหลาด ในตัวท่านเป็นประจำ จนได้ชื่อว่าเป็นพระเหนือโลก

หลังจากนั้นท่านได้ไปขอจำพรรษาเป็นเวลา หนึ่งปี ณ วัดภูเขาทอง เพื่อพัฒนาสถานที่วัด จนวัดภูเขาทอง เจริญรุ่งเรือง และมีชื่อเสียง ด้วยความที่ท่านเกิดความคิดที่ว่าต้องการ จะกลับมาพัฒนาวัดของหลวงตาของท่านที่ท่านเคยอยู่สมัยบวชเป็นเณรใหม่ๆ ท่านก็ได้เดินทางกลับไป ณ จังหวัดตาก เมื่อท่านไปถึง หลวงตาของท่าน ก็ได้มรณะภาพลง เสมือน

กับหยิบยื่น วัดให้ท่านได้ดูแลต่อ เมื่อไปถึง ในสามวันแรกท่านได้ เดินดู สถานที่ แล้วท่านก็ได้บอกกับพระภิกษุ สามเณร ที่ติดตามท่านว่า เงินนะเราไม่รู้จะเอาไปทำอะไร เอามาสร้างความเจริญให้ พระศาสนา ดีกว่า ฉันจะหล่อพระหน้าตัก 109นิ้ว จำนวน3องค์ ชวยบอกชาวบ้านด้วย เป็นอันว่า

ท่านไปอยู่ไม่เท่าไหร่ก็เริ่มพัฒนาแล้ว ท่านสร้างพระศาสนาจริง สมัยที่ท่านบวชขึ้นเป็นพระใหม่ๆนั้น

มีพระบางกลุ่มซึ่งมีพรรษา และอายุมากกว่า ครูบาไก่ เกิดความอิจฉา เนื่องจากมีคณะศรัทธามาหาอยู่มาก

และแล้ว พระภิกษุเหล่านั้น ก็เป็นต้องแพ้ภัยตัวเอง ทั้ง เจ็บไข่ได้ป่วย จนต้องศึกก็หลายองค์ มีหลวงปู่ละมัย

อายุ 150 ปีได้เคยบอกว่า ห้ามด่าว่าพระภิกษุรูปนี้เพราะจะได้รับกรรมหนักเนื่องจากท่านบบารมีสูงมาก

อาจจะสูงกว่าฉันก็เป็นได้ นี้เป็นคำพูดของพระอริยะอย่างหลวงปู่ละมัย อายุ 150ปี สันักปฏิบัติธรรมสวนป่าสมุนไพร จังหวัดเพชรูร

นี้เป็นประวัติคร่าวๆของท่านชยนันโทภิกขุ อยาดรู้มากกว่านี้ต้องลองไปกราบนมัสการ

   

หลักธรรมคำสอน

         ในวันนี้จะนำหลักธรรมคำสั่งสอน ของท่านชยนันโท ภิกขุ

ที่ได้เคยบรรยายไว้ ณ บ้านใบบุญในเรื่องศีล มาให้ทุกๆท่านประจัก

ในธรรม เรื่องศีลเราจะนำเอาบทความ จากการบันทึกเสียง มาถอด

เป็นคำเขียนให้ท่าน ได้ ทราบตามบทความต่อไปนี้

สวัสดี อะโรคาวจร และพุทธบริษัททั้งหลาย สำหรับวันนี้

ได้กล่าว ความเป็นมา ของคำว่า ศีล เพื่อให้ท่าน ทั้งหลายได้มีความ

เข้าใจในศีล รู้ลึกถึงตัวศีลที่แท้จริง สำหรับวันนี้ก็จะได้กล่าวถึงศีล

โดยรวม และจะได้จำแนกแยกศีลออกเป็นข้อๆในวันต่อๆ ไป

อันว่าศีล นั้น  จะมีด้วยกัน 2 ประเภท คือ

1.การคลองศีล

2.การรักษาศีล

การคลองศีลคือ การที่มีศีลประจำครองกาย ปกติทั่วไป มีการพูดโกหกบ้าง

ดื่มสุราบ้าง ฆ่าสัตว์บ้าง แล้วก็ไม่สนใจต่อ สิ่งที่ตัวเองกระทำ หรือไม่เกรง

กลัวต่อบาป ไม่กลัวกรรมเวร  ตรงนี้แหละที่เรียกว่าการครองศีล คืออยู่ใน

ศาสนา และแต่ละเมิดกฎระเบียบชาวพุทธ


การรักษาศีลคือการที่ ปฏิบัติอยู่ในศีล ไม่ว่าจะเป็นบุคลใดก็ตามหากอยู่ใน

บวรพระพุทธศาสนา ก็สมควรที่จะรักษาศีล  ไม่ว่าจะเป็น ฆารวาสสมณะ

พราหมณ์ชี สามเณร หรือว่าจะเป็นภิกษุเองก็ตาม ก็สมควร รักษาศีล

 การรักษาศีล ก็คือ อยู่ในศีลที่ตนรับมา นำศีลมาปฏิบัติ ให้ครบถ้วน

ไม่ให้ศีลขาด มีศีล บริสุทธิ์ 

ศีลที่ตนรับมาคือ การที่ตนรับศีลใดมา ก็พึงปฏิบัติเช่นนั้น อาทิ เช่น

หากเป็นเณร ก็จะต้องรับศีล 10 สามเณรก็ต้อง ปฏิบัติ ในศีล 10ให้บริสุทธิ์

หากเป็นพระ ก็ต้องถือศีล 227 พระก็ต้อง ปฏิบัติ ในศีล227 ให้บริสุทธิ์

นี่เป็นข้อกำหนัด

หากเราต้องการ ที่จะอยู่อย่างมีความสุข ทั้งปัจจุบันและอนาคต เราก็ควร

ปฏิบัติให้อยู่ในศีล มิให้ศีลขาด ให้ศีลอยู่ครบถ้วนบริบูรณ์  บุคคลนั้นก็จะมีความสุข

  เมื่อท่านทั้งหลายได้ไปฟังเทศฟังธรรม ณ วัดตามสถานที่ต่างๆ

พระท่านก็จะให้ศีล ทั้ง 5 ข้อ หลังจากนั้น ท่านก็จะได้ทำการสรุปศีล ดังพระ

บาลีที่ได้กล่าวไว้ว่า

ศีเลนะสุขะติงยันติ ศีเลนะโภคะสัมปะทา

ศีเลนะนิพพุติงยันติ ตัสมาศีลังวิโส ธะเย

ศีเลนะสุขะติงยันติแปลว่า ศีลทำให้มีความสุข

ศีเลนะโภคะสัมปะทาแปลว่าศีลทำให้เป็นผู้มีโภคทรัพย์

ศีเลนะนิพพุติงยันติแปลว่าศีลทำท่านไปถึงพระนิพพาน

ตัสมาศีลังวิโสทะเยแปลว่า เพราะฉะนั้นทุกๆท่าน ควรรักษาศีล

นี้คือความหมายตามพระบาลี ที่เวลาท่านทั้งหลาย ได้รับศีลแล้ว

พระท่านก็จะว่าสรุปศีลก็ให้ทุกๆท่านจงจดจำ

ต่อไปนี้จะได้เล่าความสำคัญของศีล

อันว่าศีลมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ต่อผู้ที่ ปฏิบัติ ในการรักษาศีล

เพราะ หลังจากที่ท่านรักษาศีล แล้วนั้น ท่านทั้งหลาย ก็ต้องมีการ ปฏิบัติ

พระกรรมฐาน การที่จะทำ พระกรรมฐาน ให้สำเร็จ เพื่อหวังซึง

พระนิพพานนั้น  ต้องปฏิบัติให้อยู่ในศีลก่อนเป็นเบื้องต้น ดังที่องค์

สมเด็จ พระไตรโลกนาศ บรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเลียงลำดับ

ได้ว่า ศีล สมาธิ ปัญญา บุคคลที่ มีศีล ย่อมมีสมาธิ เมื่อปฏิบัติ สมาธิแล้ว

บุคคลนั้น ย่อมเกิดปัญญา และ รู้แจ้งเห็นจริง ตามความเป็นจริงทุกประการณ์

ขอให้ท่านทั้งหลายจงนำศีล ที่ตนรับไว้ไปปฏิบัติ เพื่อความสงบสุข แก่ท่าน

ทั้งหลาย  และขอให้ท่านทั้งหลายจงได้ปฏิภาณธนสารสมบัติจงทุก

ประการเทอญ  ขอสวัสดี


คำสอนพระศาสดา ที่ท่านชยนันโท  ภิกขุ ได้นำมาบรรยาย

ณ. บ้านใบบุญ  ในวันที่ 9 มิถุนายน ที่ผ่านมาขอให้ท่านทั้งหลายจง

มีความสุข จำเริญใจ ในธรรมเทอญ






Advertising Zone    Close

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...